การวิ่งเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย ประหยัด ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ แค่คว้ารองเท้าคู่ใจก็ออกไปได้เลย แม้การวิ่งจะเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างมีประโยชน์และเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่มช่วงวัย แต่ผู้วิ่งเองก็ควรกำหนดเป้าหมายในการวิ่งให้เหมาะสม หากเป็นนักวิ่งมือใหม่ควรกำหนดเป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มตั้งแต่ก่อนวิ่งเลยว่าต้องการวิ่งเพื่อสุขภาพหรือวิ่งเพื่อการไปแข่งขัน เหมือนกับ 5 นักกรีฑาชายทีมชาติไทยกับผลงานการแข่งขันที่โดดเด่นระดับประเทศ หากมีจุดมุ่งหมายเดียวกับพวกเขาว่าต้องการวิ่งเพื่อการแข่งขันก็ขอแนะนำให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงและผลงานทั้งในอดีตและปัจจุบันของทั้ง 5 คนนี้ เพื่อนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการมุ่งเข้าสู่เส้นทางอาชีพนี้ต่อไปในอนาคต
-
เหรียญชัย สีหะวงษ์
หลังจากที่ได้ตัดสินใจยุติเส้นทางการเป็นนักอาชีพไปนานกว่า 20 ปี แต่ฝีมือระดับตำนานในการเป็นนักกรีฑาวิ่งระยะสั้นของเมืองไทยของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ หรือ “อุลตร้าเหรียญ” ยังตรึงใจสำหรับแฟนกีฬาไทยเสมอ ความเป็นเจ้าลมกรดนั้นได้ฉายแววมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยการเป็นตัวแทนการแข่งขันต่าง ๆ จนได้ไต่เต้าไปแข่งระดับประเทศครั้งแรกที่ กีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 12 ณ เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1994 ถือเป็นการเริ่มต้นอย่างสวยงามสำหรับเด็กวัย 18 ณ ขณะนั้น หลังจากนั้น เหรียญชัย ก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจนกลายเป็นตำนาน คือ การสร้างสถิติใหม่พร้อมคว้าเหรียญทองในการแข่งวิ่งเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ประเภท 100 เมตร และการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันวิ่งระยะ 200 เมตร ในซีเกมส์ครั้งที่ 20 ที่ประเทศบรูไน เมื่อปี 1999
-
คีริน ตันติเวทย์
คีริน ตันติเวทย์ นักกรีฑาลูกครึ่งไทย-อเมริกัน กับผลงานการเข้าเส้นชัยระยะ 10,000 เมตรในโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2020 และผลงานการแข่งขันล่าสุดในกรีฑาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่โอลิมปิกสเตเดียม กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ก็ได้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 23 มีเหตุการณ์หนึ่งที่เชื่อว่าทำให้คนไทยต้องจำนักวิ่งชายผู้นี้ได้ คือครั้งหนึ่งคีรินเคยตัดสินใจไม่อยู่รับเหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์ 2019 ทั้งที่เพิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขันวิ่งระยะไกล 10,000 เมตร ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องกลับไปสอบ ซึ่งระหว่างนั้นเจ้าตัวได้ศึกษาที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่านอกจากจะมีหน้าตาลูกครึ่งอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นแล้ว เรื่องกีฬาก็ไม่สองรองใคร แถมเรื่องเรียนก็ยังเพอร์เฟ็คอีกด้วย
-
จิระพงศ์ มีนาพระ
หลังมีข่าวแว่ว ๆ ว่า จิระพงศ์ มีนาพระ “ยูเซนมิ้ว” ได้อำลาวงการหลังรับใช้ทีมชาติในการเป็นนักวิ่งมานานกว่า 20 ปี ซึ่งเรื่องนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เจ้าตัวได้ออกมายืนยันแล้วว่าเหตุผลที่ต้องยุติการแข่งขันชั่วคราวเพราะต้องไปอบรมหลักสูตรทหาร โดยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เท่านั้น สำหรับเส้นทางในการเป็นนักวิ่งลมกรดทีมชาติไทยระยะสั้นนั้นเกิดจากการที่ขณะนั้น จิระพงศ์ ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้ลองไปแข่งในสมาคมกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ในขณะนั้นได้เปิดให้เยาวชนเข้ามาลองแข่ง ผลการแข่งขันก็ตามคาดเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 1 ในการแข่งขัน 600 เมตร รวมไปถึงการคว้า 3 เหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนมาร์ ประเภทวิ่ง 100 เมตร 200 เมตร และวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร
-
บุญถึง ศรีสังข์
นักวิ่งทางไกลทีมชาติไทย บุญถึง ศรีสังข์ ผู้เป็นเจ้าของสถิติกรีฑาประเทศไทยหลายรายการพร้อมครองสถิติในการวิ่งยาวนานกว่า 16 ปี แต่ระยะในการแข่งขันที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่สุดในวงการ เห็นจะเป็นการแข่งขันประเภท 10,000 เมตร เพราะบุญถึงทำไปด้วยเวลา 29.29.59 นาที ก่อนที่จะถูกนักวิ่งลูกครึ่งรุ่นน้องอย่าง คีริน ตันติเวทย์ ทำลายสถิติไปเมื่อไม่นานมานี้ ผลงานที่สร้างความประจักษ์สู่สายตาแฟน ๆ กีฬาทั่วโลกไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะบุญถึงยังเป็นเจ้าของสถิติกรีฑาประเทศไทย ประเภทวิ่ง 3,000 เมตร (8.10.39 นาที) 5,000 เมตร (14.10.56 นาที) และฮาล์ฟมาราธอน (1.07.35 ชั่วโมง) อีกด้วย
-
จ่าอากาศตรี บัณฑิต ช่วงไชย
จ่าอากาศตรี บัณฑิต ช่วงไชย นักกรีฑาชายทีมชาติไทย ที่ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2558 กีฬาซีเกมส์ ประเทศสิงคโปร์ สำหรับการผลงานในเส้นทางการเป็นนักกรีฑาอาชีพ เขาคว้าเหรียญทองในการแข่งขันประเภทวิ่งผลัด 4×100 เมตร ด้วยเวลา 39.27 วินาที ในขณะเดียวกันก็คว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันประเภทวิ่ง 100 เมตร ในเวทีเดียวกันด้วย ที่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2019 ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกได้ว่าเป็นเวทีแจ้งเกิดของบัณฑิตเลยก็ว่าได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเส้นทางชีวิตที่ผ่านสนามการแข่งขันมานับไม่ถ้วน และการคว้ารางวัลเหรียญที่มากมายของ นักกีฬา 5 นักกรีฑาชายทีมชาติไทยกับผลงานการแข่งที่โดดเด่นระดับประเทศ (รวมไปถึงนักกีฬาการแข่งขันแขนงอื่น ๆ จากทั่วโลก) นั้นสามารถสร้างแรงบันดาลใจขับเคลื่อนความตั้งใจให้กับเยาวชนและคนรุ่นหลัง ๆ ที่มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันระดับโลกได้จริง หากวันนี้ไม่ว่าคุณมีความฝันต้องการที่จะทำอะไรสักอย่างหรือการเป็นนักกรีฑาระดับทีมชาติเหมือนพวกเขาก็สามารถศึกษาและลงมือทำได้ตั้งแต่วันนี้
เมื่อคนกับม้าต้องวิ่งแข่งกันในการแข่งมาราธอน ใครจะชนะ?!
ดูเหมือนกับว่าการแข่งขันสุดประหลาด จะเกิดขึ้นได้กับกีฬาในหลายประเภทเท่าที่โลกมนุษย์พึงมี ซึ่งมันก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจและได้รับการตอบรับอย่างดีเสียด้วย และการแข่งขันที่กำลังจะพูดถึงนี้ คือการแข่งวิ่งสุดพิลึกพิลั่นระหว่างคนกับม้า! โดยกิจกรรมนี้จัดขั้นที่เมือง Llanwrtyd ประเทศเวลส์ Welsh โดยงานมีชื่อเต็มว่า Whole Earth Man v Horse Marathon เป็นกิจกรรมทางประเพณีที่จัดตั้งกันขึ้นมาอย่างยาวนานแต่ปี ค.ศ. 1980 โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากบทสนทนาหรือจะเรียกว่าเป็นไอเดียลอย ๆ ของเจ้าของที่ดินและชายผู้ร่วมสนทนาก็ได้ที่อยากรู้แค่ว่า หากมีการแข่งขันมาราธอนระหว่างคนกับม้าเกิดขึ้นจริง ๆ ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ หลังจากนั้นก็เกิดประเพณีการแข่งนี้ขึ้นมา (แค่นั้นเลย)
ประเพณีการแข่งขันที่ว่านี้จะถูกจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ส่วนรายละเอียดของการแข่งจะเป็นการแข่งในลักษณะที่มีคนกับม้าโดยมีคนควบคุมอยู่อีกทีสำหรับรูปแบบในการแข่งขันจะเป็นแบบออฟโรด และระยะทางในการแข่งขันจะอยู่ที่ 22 ไมล์ หรือ 35.41 กิโลเมตร สำหรับใครที่เป็นผู้ชนะในการแข่งครั้งนี้ก็จะได้ทั้งเงินและเหรียญรางวัลไปครอง ในส่วนของเงินรางวัลถูกสะสมไว้อยู่ที่ 3,500 ปอนด์ หากคิดเป็นเงินไทยในปัจจุบันก็จะตกอยู่ที่ราว ๆ 160,987.31 บาท สาเหตุที่เงินรางวัลมีจำนวนมากก็เพราะยังไม่มีใครสามารถเอาชนะในการแข่งมานานกว่า 7 ปี และเงินรางวัลก็จะถูกสะสมไปทุกปี ปีละ 500 ปอนด์
จากสถิติในการแข่งขันที่นับตั้งแต่ปี 1980 ผู้ชนะตลอดการแข่งขันทุกครั้งจะเป็นม้า แต่ในปีที่ 25 ของการจัดการแข่งขันก็มีนักวิ่งมาราธอนแถวหน้าของอังกฤษที่เป็นความหวังของมนุษย์โลกที่มีนามว่า How Lobb เป็น 1 ในผู้กล้าที่อึดทึกทนเอาชนะในการแข่งขันนี้ไปอย่างสวยงาม จากประวัติศาสตร์ของการแข่งขันมีมนุษย์ชนะม้าเพียงสองครั้งเท่านั้นคือปี 2004 และ 2007
ref : https://www.rukrun.com/whole-earth-man-v-horse-marathon-วิ่งแข่งกับม้า/